เนื่องมาจากเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล นำมาซึ่งความเดือดร้อน หรือสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูล ตลอดจนสามารถส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ด้วย
จึงได้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ หรือมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูล
กล่าวถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) เรื่องสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการ ลูกค้า พนักงาน หรือผู้รับผิดชอบดูแลงานในส่วนต่าง ๆ ก็ล้วนต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ด้วยกันทุกคน
ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) ได้แก่ ชื่อ - นามสกุล, เลขประจำตัวประชาชน, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, วันเกิด, อีเมล, การศึกษา, เพศ, อาชีพ, รูปถ่าย, ข้อมูลทางการเงิน นอกจากนี้ยังรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) ด้วย เช่น ข้อมูลทางการแพทย์หรือสุขภาพ, ข้อมูลทางพันธุกรรมและไบโอเมทริกซ์, เชื้อชาติ, ความคิดเห็นทางการเมือง, ความเชื่อทางศาสนาหรือปรัชญา, พฤติกรรมทางเพศ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสหภาพแรงงาน เป็นต้น
การเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล สามารถทำได้ในกรณีต่อไปนี้
- ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูส่วนบุคคล - จัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ การศึกษาวิจัยหรือการจัดทำสถิติ - ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล - จำเป็นเพื่อปฏิบัติกฎหมาย หรือสัญญา - จำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลอื่น - จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและการปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ
บทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม PDPA สำหรับองค์กรที่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ต้องมีระบบในการควบคุมหรือยืนยันตัวตนในการเข้าถึงข้อมูล และจำเป็นต้องมีการกำหนดนโยบายองค์กรเพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม เพราะหากไม่ทำตามอาจได้รับโทษดังนี้
ความรับผิดทางแพ่ง ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงและอาจต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่ม ขึ้นอีก โดยสูงสุดไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหายที่แท้จริง
โทษทางอาญา จำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษทางปกครอง ปรับสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท
SmartSecure เป็นโซลูชั่นที่ทำงานบน Cloud ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถมั่นใจได้ว่ามีความมั่นคงปลอดภัยภายใต้การดูแลอย่างมืออาชีพ โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องจัดหาอุปกรณ์สำหรับการติดตั้ง SmartSecure ซึ่งจะทำให้ลดภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลง แต่ได้เพิ่มความปลอดภัยข้อมูลขององค์กรในระดับที่สูงขึ้น ให้คุณวางใจในความปลอดภัยทางด้านข้อมูลธุรกิจ ไม่ว่าพนักงานของคุณจะทำงานที่ใด
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชั่น SmartSecure เสริมความมั่นคงปลอดภัยให้องค์กร สามารถติดต่อทีมงาน PRO ONE IT ได้ทันที
Tel. 02 619 2161 กด 1 (ฝ่ายขาย)
Email : Sales@professional-one.com
Line@ : Proonesales หรือคลิกลิงค์
Website : https://www.poit.co.th/
Commentaires